คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมศัลยศาสตร์ หมอเจมส์ "

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์? สัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามของริดสีดวง

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

สัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามของริดสีดวง

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย เช่น ท้องผูกบ่อย เบ่งอุจจาระแรง หรือใช้เวลานั่งถ่ายนาน แม้ว่าในหลายกรณี ริดสีดวงอาจไม่รุนแรง และสามารถดูแลเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ แต่ก็มี “สัญญาณบางอย่าง” ที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

บทความนี้จะช่วยคุณเข้าใจว่า เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ และอาการแบบไหนที่ไม่ควรมองข้าม


🩸 1. มีเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระ

หนึ่งในอาการแรกที่พบได้บ่อยคือการมีเลือดปนกับอุจจาระหรือออกหลังถ่าย ลักษณะของเลือดมักเป็น “เลือดแดงสด” เปื้อนกระดาษชำระหรือหยดลงชักโครก

❗️ สัญญาณอันตราย:

  • หากเลือดออก ซ้ำบ่อย ๆ มากกว่า 2–3 ครั้งในเดือน

  • หรือมี เลือดออกจำนวนมาก ร่วมกับอาการหน้ามืดหรืออ่อนเพลีย

อาการเลือดออกแบบนี้อาจไม่ใช่แค่ริดสีดวงเสมอไป แต่ยังอาจบ่งบอกถึง แผลในลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งลำไส้ ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยที่แน่นอน เช่น การส่องกล้องตรวจลำไส้


🔴 2. มีก้อนนูนหรือเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนัก

หากสังเกตว่าหลังถ่ายอุจจาระมี ก้อนเนื้อเล็ก ๆ ยื่นออกมาจากทวาร อาจเป็น ริดสีดวงภายในที่มีการย้อย (prolapsed hemorrhoid) ซึ่งในระยะแรกอาจดันกลับได้ แต่หากปล่อยไว้นานอาจเกิดอาการบวม เจ็บ หรือดันกลับไม่ได้

📌 อาการเหล่านี้ต้องพบแพทย์ เพราะอาจต้องพิจารณารักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น การรัดยางหรือผ่าตัด


💢 3. ปวด บวม แสบ หรือรู้สึกตึงรอบทวารหนัก

หากมีอาการเจ็บแปลบหรือปวดขณะถ่าย หรือมีอาการบวมแดงที่ทวาร อาจเกิดจาก:

  • ริดสีดวงอักเสบ

  • ริดสีดวงมีลิ่มเลือด (Thrombosed hemorrhoid)

  • ภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลปริขอบทวาร (Anal fissure) หรือฝีรอบทวาร (Perianal abscess)

❗️ หากมีอาการปวดมาก หรือมีไข้ร่วมด้วย → ควรพบแพทย์ทันที


💧 4. มีน้ำหรือเมือกใสๆ ซึมออกจากทวารหนัก

หากรู้สึกว่ามีของเหลวเปียก ๆ หรือคันบริเวณรอบทวาร อาจเกิดจาก:

  • การอักเสบของเยื่อบุทวารจากริดสีดวงภายใน

  • ปัญหาของหูรูดทวารทำงานไม่สมบูรณ์

  • หรืออาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคอื่น เช่น ฝี, ต่อมทวารอักเสบ

📍 ควรตรวจโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริง


🧻 5. ถ่ายไม่สุด หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดอยู่ในทวาร

อาการนี้อาจเกิดจาก:

  • ริดสีดวงภายในขนาดใหญ่

  • การบวมของเนื้อเยื่อในช่องทวาร

  • หรืออาจเป็น เนื้องอกในลำไส้

✅ อาการถ่ายไม่สุดบ่อย ๆ ไม่ควรมองข้าม ควรพบแพทย์เพื่อทำการส่องกล้องวินิจฉัย


🔄 6. ริดสีดวงเป็นซ้ำบ่อย หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น

ถ้าคุณเคยเป็นริดสีดวงและใช้วิธีดูแลตัวเอง เช่น:

  • ทายา

  • กินยา

  • ปรับอาหาร

แต่ยัง มีอาการซ้ำ ๆ เจ็บ-คัน-มีเลือดออกไม่หายขาด แสดงว่าริดสีดวงของคุณอาจอยู่ในระยะที่ต้องรับการรักษาเชิงหัตถการ เช่น:

  • การรัดยาง (Rubber band ligation)

  • เลเซอร์

  • ผ่าตัดริดสีดวง (Hemorrhoidectomy)

🔍 พบแพทย์เพื่อประเมินระดับของริดสีดวง และแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับคุณที่สุด


🧠 คำแนะนำ: เมื่อพบแพทย์จะต้องตรวจอะไร?

  • ซักประวัติสุขภาพ พฤติกรรมการขับถ่าย อาการ

  • ตรวจทวารหนักด้วยมือ หรือใช้กล้องส่องทวาร (Proctoscopy)

  • หากมีอาการเลือดออกเรื้อรัง อาจต้อง ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพื่อแยกโรคอื่นที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งลำไส้


✅ สรุป

ริดสีดวงไม่ใช่โรคที่ควรอายหรือปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง
แม้จะพบได้บ่อย แต่หากมีอาการชัดเจน เช่น เลือดออก ปวด บวม มีก้อนเนื้อ หรือมีการอักเสบ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

การตรวจวินิจฉัยแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้การรักษาง่ายขึ้น เจ็บตัวน้อยลง และป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อันตรายกว่าได้

หากคุณมีอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรม หรือระบบทางเดินอาหาร เพื่อวินิจฉัยและรับการดูแลอย่างถูกต้องครับ

📞 ติดต่อเพื่อสอบถามหรือนัดหมาย
Tel. : 065-304-9539
📲 Line Official : @drjamescolo
🌐 Website : www.doctorjamescolo.com
📘 Facebook : หมอเจมส์ ศัลยกรรมลำไส้หาดใหญ่
📷 IG : @doctorjamescolo