ริดสีดวงมีกี่ระยะ? วิธีสังเกตอาการแต่ละระยะ

เคล็ดลับป้องกันริดสีดวง : ปรับพฤติกรรมง่าย ๆ ลดโอกาสเกิดโรค

เคล็ดลับป้องกันริดสีดวง : ปรับพฤติกรรมง่าย ๆ ลดโอกาสเกิดโรค

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในคนทำงานออฟฟิศ ผู้ที่นั่งนาน ขับถ่ายไม่เป็นเวลา หรือมีภาวะท้องผูกเรื้อรัง แม้ริดสีดวงจะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สร้างความทรมาน และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตไม่น้อย

ข่าวดีคือ… โรคริดสีดวงสามารถป้องกันได้!
เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการขับถ่ายให้ถูกวิธี ก็สามารถลดโอกาสเกิดโรคได้มากกว่า 70%


1. ทำความเข้าใจก่อนว่า “ริดสีดวงเกิดจากอะไร”

ริดสีดวงเกิดจากการที่ หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักบวมโป่งหรือขยายตัวมากผิดปกติ
สาเหตุหลักคือ “แรงดันในหลอดเลือดบริเวณทวารหนักเพิ่มสูงขึ้น” ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • การเบ่งอุจจาระแรงเป็นประจำ

  • ภาวะท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง

  • นั่งหรือตั้งนานเกินไป

  • การตั้งครรภ์ในผู้หญิง

  • น้ำหนักตัวมาก

  • รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย

  • ขาดการออกกำลังกาย

เมื่อแรงดันเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะทำให้หลอดเลือดบริเวณทวารเกิดการยืดและบวม จนกลายเป็นตุ่มริดสีดวงที่อาจเจ็บ ปวด หรือมีเลือดออกขณะขับถ่าย


2. ปรับพฤติกรรมการกินให้ดีต่อระบบขับถ่าย

2.1 เพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง

กากใยช่วยให้อุจจาระนุ่มและขับถ่ายง่าย ลดการเบ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของริดสีดวง

อาหารที่ควรรับประทาน:

  • ผักใบเขียวทุกชนิด (เช่น คะน้า ผักบุ้ง กะหล่ำปลี)

  • ผลไม้ที่มีกากใย เช่น กล้วย แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอ

  • ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต

2.2 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 6–8 แก้ว (1.5–2 ลิตร)

  • ช่วยให้อุจจาระไม่แข็งเกินไป

  • ควรดื่มน้ำระหว่างวันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรดื่มรวดเดียว

2.3 หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการขับถ่ายผิดปกติ
  • อาหารเผ็ดจัด เค็มจัด และของหมักดอง

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน (เช่น กาแฟ ชา) เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ


3. ฝึกนิสัยการขับถ่ายให้สม่ำเสมอ

3.1 อย่ากลั้นอุจจาระ
  • การกลั้นอุจจาระบ่อย ๆ จะทำให้อุจจาระแข็งและแห้ง ส่งผลให้ต้องเบ่งแรงมากขึ้น

  • เมื่อรู้สึกปวด ควรเข้าห้องน้ำทันที

3.2 ขับถ่ายเวลาเดิมทุกวัน
  • ควรขับถ่ายในช่วงเช้า หลังตื่นนอนหรือหลังอาหารเช้า

  • เป็นเวลาที่ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีที่สุด

3.3 ไม่ใช้เวลาในห้องน้ำนานเกินไป
  • การนั่งนานทำให้แรงดันในหลอดเลือดบริเวณทวารเพิ่มขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการเล่นมือถือในห้องน้ำ

3.4 ท่านั่งขับถ่ายที่เหมาะสม
  • ท่านั่งที่ถูกต้องคือ ยกขาสูงเล็กน้อย (ใช้เก้าอี้เตี้ยวางเท้า)

  • ช่วยให้มุมลำไส้ตรงขึ้นและขับถ่ายได้ง่ายกว่า


4. การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย วันละ 30 นาที

  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องผูก

  • กิจกรรมที่เหมาะสม เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ หรือปั่นจักรยาน

หลีกเลี่ยง:

  • การยกของหนักหรือการเกร็งท้องมากเกินไป เพราะอาจเพิ่มแรงดันในช่องท้องและทวารหนัก


5. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

  • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากจะมีแรงดันในช่องท้องสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวง

  • ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายให้สมดุล


6. การดูแลสุขภาพทั่วไปและลดปัจจัยเสี่ยง

6.1 หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนานเกินไป
  • ลุกยืน เดินยืดเส้นทุก 30–60 นาที

  • หากทำงานออฟฟิศ ควรเปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ

6.2 ใส่ใจสุขอนามัยบริเวณทวารหนัก
  • ล้างด้วยน้ำสะอาดหลังขับถ่าย แล้วซับเบา ๆ ด้วยผ้านุ่ม

  • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษหยาบหรือทิชชู่เปียกที่มีแอลกอฮอล์

6.3 ลดความเครียด
  • ความเครียดส่งผลให้ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ

  • ฝึกหายใจลึก ๆ ทำสมาธิ หรือพักผ่อนให้เพียงพอ


7. เมื่อไรควรพบแพทย์

แม้จะป้องกันอย่างดีแล้ว หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด

  • มีเลือดออกทางทวารหนักบ่อย

  • ปวดหรือบวมที่ทวารหนัก

  • มีก้อนยื่นออกมา หรือรู้สึกไม่สบายขณะขับถ่าย

  • ปวดหลังขับถ่ายหรือมีอาการคันเรื้อรังบริเวณทวาร


8. สรุป

ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่ “ป้องกันได้ง่ายกว่ารักษา”
เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น

  • กินอาหารที่มีกากใยสูง

  • ดื่มน้ำมาก ๆ

  • ขับถ่ายเป็นเวลา

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • หลีกเลี่ยงการนั่งนานหรือเบ่งแรง

เพราะสุขภาพลำไส้ที่ดี คือจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรง และการป้องกันริดสีดวงตั้งแต่วันนี้ คือการดูแลคุณภาพชีวิตในระยะยาวให้ดียิ่งขึ้น 💪✨

📞 ติดต่อเพื่อสอบถามหรือนัดหมาย

Tel. : 065-304-9539
📲 Line Official : @drjamescolo
🌐 Website : www.doctorjamescolo.com
📘 Facebook : หมอเจมส์ ศัลยกรรมลำไส้หาดใหญ่
📷 IG : @doctorjamescolo