สาเหตุของริดสีดวง — ทำไมคนวัยทำงานถึงเป็นกันเยอะกว่าที่คิด
ในยุคที่คนทำงานต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง กินข้าวไม่เป็นเวลา ดื่มน้ำน้อย และแทบไม่มีเวลาออกกำลังกาย ปัญหาสุขภาพหนึ่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่หลายคนไม่อยากพูดถึงคือ “ริดสีดวงทวารหนัก (Hemorrhoids)”
โรคนี้ไม่ใช่โรคใหม่ และไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นโรคที่เกิดจาก “พฤติกรรมประจำวัน” ของเราเองโดยแท้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 25–45 ปี ซึ่งพบได้มากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
มาดูกันให้ชัดว่า ทำไม “คนวัยทำงาน” ถึงกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคริดสีดวงมากกว่าที่คิด
1. นั่งทำงานนานเกินไป — ศัตรูตัวร้ายของเส้นเลือดรอบทวาร
การ “นั่งนานติดต่อกัน” เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเกิดริดสีดวง
เพราะเมื่อเรานั่งนาน กล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณรอบทวารหนักจะถูกกดทับ ทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลงเมื่อเลือดคั่งอยู่บริเวณนั้นนาน ๆ จะทำให้หลอดเลือดดำโป่งพอง กลายเป็น ติ่งเนื้อหรือก้อนบวม (ริดสีดวง) ที่ยื่นออกมาภายในหรือภายนอกทวารหนัก
โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานออฟฟิศ เช่น พนักงานคอมพิวเตอร์ บัญชี หรือแอดมินเพจ ที่ต้องนั่งเก้าอี้ติดต่อกันหลายชั่วโมงต่อวัน — หากไม่ลุกขยับร่างกายเลย ก็เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงริดสีดวงโดยไม่รู้ตัว
เคล็ดลับป้องกัน:
ลุกยืดเส้นทุก 1–2 ชั่วโมง
เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ เช่น ลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินดื่มน้ำ
ใช้เบาะรองนั่งแบบลดแรงกด (donut cushion) ช่วยกระจายแรง
2. ท้องผูกเรื้อรัง และการเบ่งแรงเกินไป
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือ การขับถ่ายไม่สม่ำเสมอหรือท้องผูกเป็นประจำ
เมื่ออุจจาระแข็ง ต้องออกแรงเบ่งมาก ความดันในหลอดเลือดบริเวณทวารหนักจะเพิ่มขึ้นทันทีถ้าเป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ ทุกวัน จะทำให้หลอดเลือดโป่งพองและอักเสบ จนนำไปสู่ริดสีดวงในที่สุด
โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่มักรีบในตอนเช้า กินอาหารไม่ครบหมู่ ดื่มน้ำน้อย และละเลยผักผลไม้ — ล้วนเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ระบบขับถ่ายแย่ลงโดยไม่รู้ตัว
เคล็ดลับป้องกัน:
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว
เพิ่มไฟเบอร์จากผัก ผลไม้ ธัญพืช หรือเส้นใยเสริมอาหาร
เข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ไม่กลั้นอุจจาระ
3. ความเครียดและความกดดันจากงาน
ความเครียดไม่ได้แค่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายด้วย
เมื่อร่างกายเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะหลั่งออกมา ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง
ผลคือ ท้องผูกง่าย อุจจาระแข็ง และเสี่ยง “เบ่งแรง” ขณะถ่ายมากขึ้นนอกจากนี้ ความเครียดยังทำให้บางคนกินอาหารไม่เป็นเวลา หรือเลือกกินอาหารฟาสต์ฟู้ดซ้ำ ๆ ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เกิดริดสีดวงได้ง่ายกว่าเดิม
เคล็ดลับป้องกัน:
พักผ่อนให้เพียงพอ (7–8 ชั่วโมงต่อคืน)
ฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิวันละ 5 นาที
หาเวลาผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น ฟังเพลง หรือออกกำลังกายเบา ๆ
4. การยกของหนัก หรือออกแรงดันมากเกินไป
หลายคนเข้าใจว่าริดสีดวงเกิดเฉพาะจาก “การเบ่งขณะถ่าย” เท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว การ ยกของหนัก หรือ ออกแรงมากเกินไป ก็เพิ่มแรงดันในช่องท้องและเส้นเลือดรอบทวารได้เช่นกัน
พนักงานคลังสินค้า คนยกของ หรือแม้แต่นักยกเวทในฟิตเนส — หากยกโดยไม่ถูกท่า หรือกลั้นหายใจระหว่างออกแรง อาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวผิดปกติจนเกิดอาการบวมและเจ็บ
เคล็ดลับป้องกัน:
ใช้ท่ายกของที่ถูกต้อง ย่อตัวลงก่อนยก ไม่ก้มหลัง
หลีกเลี่ยงการกลั้นหายใจตอนออกแรง
หากต้องยกของบ่อย ควรใส่เข็มขัดพยุงหลังช่วยลดแรงดันในช่องท้อง
5. การดื่มน้ำน้อยและกินไฟเบอร์ไม่เพียงพอ
น้ำและไฟเบอร์คือ “คู่หูสำคัญของระบบขับถ่าย”
คนทำงานจำนวนมากดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว แต่กลับดื่มน้ำน้อย ซึ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำและลำไส้ดูดน้ำจากอุจจาระกลับไปมากเกินไปผลคืออุจจาระแข็ง ขับถ่ายลำบาก ต้องเบ่งแรง — วงจรนี้นำไปสู่ริดสีดวงได้ง่ายมาก
เคล็ดลับป้องกัน:
ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อย 1.5–2 ลิตรต่อวัน
ทานผักและผลไม้ให้ได้ 400–500 กรัมต่อวัน
หากทำไม่ได้ ลองเสริมด้วยเครื่องดื่มไฟเบอร์ (แต่ควรเลือกที่ไม่ผสมน้ำตาลสูง)
6. การตั้งครรภ์ หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
ในเพศหญิง โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และมดลูกกดทับบริเวณลำไส้ใหญ่ ทำให้ขับถ่ายยาก
เมื่อร่วมกับการเบ่งขณะถ่าย อาจทำให้เกิดริดสีดวงได้ง่ายแม้ไม่ใช่สาเหตุเฉพาะของคนทำงาน แต่ในกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานที่เริ่มมีครอบครัว ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อยเช่นกัน
7. พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ในห้องน้ำ
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่คนรุ่นใหม่ทำกันบ่อยโดยไม่รู้ว่า “อันตราย” คือการ นั่งเล่นมือถือในห้องน้ำ
เมื่ออยู่ในท่าขับถ่ายนานเกินไป (แม้ไม่ได้เบ่ง) แรงกดของกล้ามเนื้อบริเวณทวารจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดขยายและเกิดริดสีดวงได้ง่ายคำแนะนำ:
เข้าห้องน้ำให้จบภายใน 5 นาที
ไม่ควรนั่งเฉย ๆ หรือเล่นมือถือขณะขับถ่าย
หลังถ่ายเสร็จควรลุกทันทีและล้างทำความสะอาดให้สะอาด
8. การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
สารนิโคตินและแอลกอฮอล์มีผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้หลอดเลือดหดตัวและเกิดการอักเสบง่าย
ในขณะเดียวกัน แอลกอฮอล์ยังทำให้ร่างกายขาดน้ำและกระตุ้นให้ลำไส้แปรปรวนเมื่อรวมกับพฤติกรรมการกินไม่เป็นเวลาและการพักผ่อนน้อย — ความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงก็ยิ่งสูงขึ้น
9. อายุที่มากขึ้นและความเสื่อมของหลอดเลือด
คนวัยทำงานตอนปลาย (อายุ 40 ปีขึ้นไป) มักเริ่มมีความเสื่อมของเนื้อเยื่อและผนังหลอดเลือด
เมื่อโครงสร้างรอบทวารเริ่มอ่อนแรง การไหลเวียนของเลือดก็ไม่ดีเหมือนเดิม ทำให้ริดสีดวงเกิดง่ายขึ้นและหายยากกว่าในวัยหนุ่มสาว10. สรุป – ริดสีดวงไม่ใช่โรคไกลตัวของคนทำงาน
ริดสีดวงอาจเริ่มต้นจากพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่เรามองข้าม เช่น
นั่งนาน ดื่มน้ำน้อย หรือเบ่งแรงเวลาขับถ่าย
เมื่อทำซ้ำทุกวันเป็นเวลานาน ก็เพียงพอที่จะทำให้หลอดเลือดรอบทวารอักเสบและโป่งพองสิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าละเลยสัญญาณเตือน เช่น เจ็บหรือคันที่ทวาร มีเลือดปนในอุจจาระ หรือรู้สึกมีก้อนบวมเล็ก ๆ
เพราะหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถรักษาได้ง่ายกว่ามากโดยไม่ต้องผ่าตัด✅ สรุปแนวทางดูแลตัวเองสำหรับคนทำงาน
ลุกเดินและยืดเส้นทุก 1–2 ชั่วโมง
ดื่มน้ำให้เพียงพอ และเพิ่มผักผลไม้ในแต่ละมื้อ
เข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ห้ามกลั้น
ลดกาแฟและแอลกอฮอล์
หมั่นสังเกตอาการ หากมีเลือดออกหรือเจ็บบ่อย ควรพบแพทย์
ริดสีดวงไม่ใช่โรคที่ควรอาย และไม่ใช่เรื่องเล็ก
แต่เป็น “สัญญาณจากร่างกาย” ที่บอกให้เราหันกลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น
เริ่มต้นง่าย ๆ จากการเปลี่ยนนิสัยเล็ก ๆ ในแต่ละวัน — ก็สามารถป้องกันโรคนี้ได้ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ครับ.
📞 ติดต่อเพื่อสอบถามหรือนัดหมาย
Tel. : 065-304-9539
📲 Line Official : @drjamescolo
🌐 Website : www.doctorjamescolo.com
📘 Facebook : หมอเจมส์ ศัลยกรรมลำไส้หาดใหญ่
📷 IG : @doctorjamescolo
