Categories
New

มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเกิดจากอะไร และรักษายังไงกันนะ?

มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเกิดจากอะไร และรักษายังไงกันนะ?

มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเกิดจากอะไร และรักษายังไงกันนะ?

สาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักยังไม่เป็นที่แน่ชัด อาจจะเกิดจากการมีพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากการส่งต่อในเครือญาติ หรือเกิดขึ้นเองในตัวบุคคลโดยที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ก่อนหน้านี้ หรืออาจจะมีภาวะเสี่ยงจากการกินเนื้อสัตว์ปริมาณมาก กินผักน้อย หรือมีภาวะน้ำหนักเยอะเกินเกณฑ์ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น อาจจะไม่ได้ส่งผลโดยตรงในผู้ป่วยทุกราย

การเกิดของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มมาจากการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ และทิ้งไว้ประมาณ 5-15 ปี โดยไม่ได้รับการรักษาหรือตัดออก ติ่งเนื้อเหล่านี้จะพัฒนาและเปลี่ยนรูปร่างหน้าตากลายเป็นมะเร็ง อีกทั้งพอกลายเป็นก้อนเนื้อมะเร็งจะค่อยๆกินลึกลงเข้าไปในชั้นผนังลำไส้ใหญ่ จนกระทั่งลุกลามเข้าไปในทางเดินน้ำเหลือง เส้นเลือด และเส้นประสาท จนทำให้มะเร็งกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง และกระจายตามกระแสเลือดไปหยุดและโตอยู่ที่ตับ หรือปอด จนกลายเป็นมะเร็งลำไส้ระยะลุกลามในที่สุด

จากข้างต้นจะเห็นว่าถ้าเราตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยการเข้ามาตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักโดยการส่องกล้องและตัดติ่งเนื้อ มะเร็งลำไส้จะสามารถหายขาดได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่หรือเสี่ยงต่อการมีทวารเทียมทางหน้าท้อง โดยทุกท่านสามารถเข้าไปอ่านบทความเรื่องถ่ายเป็นเลือด ซึ่งผมได้อธิบายลักษณะคนไข้และอาการที่เข้าข่ายภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ต้องเข้ารับการคัดกรองด้วยการส่องกล้อง

การรักษาจะแบ่งมะเร็งลำไส้เป็น 2 อย่างชนิด คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งลำไส้ตรง ซึ่งการรักษาจะแตกต่างกันเล็กน้อย ในที่นี้จะขอพูดมะเร็งในระยะที่ 1-3 ก่อนนะครับ (ยังไม่ใช่มะเร็งลำไส้ระยะแพร่กระจาย)

  1. มะเร็งลำไส้ใหญ่ การรักษาหลักคือการผ่าตัดเพื่อทำให้หายขาด โดยการผ่าตัดผ่านกล้องหรือแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งจะต้องเอาก้อนเนื้อมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองที่โตออกไปทั้งหมด เพื่อผลลัพธ์ทางมะเร็งวิทยาที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ และอาจจะตามด้วยการให้ยาเคมีบำบัดหลังผ่าตัด ซึ่งจะต้องพิจารณาจากผลชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาอีกครั้ง
  2. มะเร็งลำไส้ตรง การรักษาหลักยังคงเป็นการผ่าตัด แต่จะแตกต่างตรงที่ถ้าก้อนมะเร็งโตมาก หรือพบการแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองแล้วนั้น จะต้องทำการรักษาด้วยการฉายแสงและให้ยาเคมีบำบัดก่อนทำการผ่าตัด เพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งหลังการผ่าตัด โดยการผ่าตัดในปัจจุบันจะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้อง หรือแบบเปิดหน้าท้อง และอาจจะตามด้วยการให้ยาเคมีบำบัดหลังผ่าตัด ซึ่งจะต้องพิจารณาจากผลชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาอีกครั้งเช่นกัน

*** สิ่งที่คนไข้กังวลมากที่สุดคือ จะสามารถถ่ายทางก้นได้อีกไหม หรือจะสามารถผ่าตัดแบบเก็บก้นได้ไหม หมอต้องบอกให้เข้าใจแบบนี้ครับว่าการรักษาในปัจจุบันเรามีความรู้ความเข้าใจในตัวโรคมะเร็งมากขึ้น และพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้สามารถทำการผาตัดโดยการเก็บก้นได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้ผลลัพธ์ทางมะเร็งวิทยาที่ดีอีกด้วย

 

การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงในปัจจุบัน เป็นการรักษาแบบเฉพาะตัวบุคคลมากขึ้น หมายถึงแม้ว่าคน 2 คนจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารนหักในระยะเดียวกัน แต่ลำดับขั้นตอนการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางมะเร็งวิทยาที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นกับความรู้ ความเข้าใจของแพทย์และทีมแพทย์ที่ทำการรักษา

 

               ต่อมาหมอจะพูดถึงการรักษามะเร็งลำไส้ระยะแพร่กระจาย…
มักจะมีคำถามที่ว่า “มะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย…ยังรักษาได้อีกไหม?”

 

ในอดีตมีความเข้าใจที่ว่าถ้าเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย หรือระยะแพร่กระจาย จะไม่สามารถรักษาได้ หรือไม่ก็รักษาด้วยยาเคมีบำบัดและเปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆ แล้วรอเวลาในวาระสุดท้ายอย่างเดียว

 

แต่เดี๋ยวก่อนครับ…ความเข้าใจแบบนี้ในปัจจุบันเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องซะทีเดียว

มะเร็งลำไส้แม้ว่าจะกระจายไปที่ตับหรือที่ปอดแล้วนั้น ยังสามารถรักษาได้ ถ้าตัวโรคมะเร็งสามารถผ่าตัดออกได้ทั้งหมด โดยจะต้องใช้ทีมหมอหลายๆแผนกมาช่วยกันดูแลผู้ป่วย เพราะถ้าสามารถผ่าตัดตัวโรคมะเร็งออกได้ทั้งหมด จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตโดยที่ปราศจากโรคมะเร็งมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับให้การยาเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว หรือไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย

 

อีกทั้งในปัจจุบันมีการพัฒนายาพุ่งเป้า(Targeted therapy) หรือยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน(Immuno-therapy) เพื่อมาสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ โดยที่ผลลัพธ์มีตั้งแต่มะเร็งลำไส้มีขนาดเล็กลง โตช้าลง ทำให้ผู้ป่วยอยู่ได้นานมากขึ้น หรือจนถึงขนาดที่ว่ามะเร็งลำไส้หายไปทั้งหมดโดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยก็มี และทำให้มีโอกาสอยู่รอดโดยปราศจากมะเร็งที่มากยิ่งขึ้น

 

เห็นไหมครับว่า…ปัจจุบันการรักษามะเร็งลำไส้มีการพัฒนาไปไกลมาก ไม่ใช่อยู่แค่ที่ว่าผ่าตัดได้หรือไม่ได้ หรือการให้ยาเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมีถ้าเลือกอีกหลายอย่างที่สามารถช่วยผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ให้มีโอกาสอยู่รอดและปลาศจากโรคมะเร็งได้มากยิ่งขึ้น

 

การรักษามะเร็งลำไส้ในปัจจุบัน ควรจะมองไปถึงเรื่องพันธุกรรมของตัวมะเร็ง และการเลือกผู้ป่วยแต่ะละคนให้เหมาะสมกับประเภทการรักษามากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย

รูป 1 มะเร็งลำไส้ตรงกินเข้าไปในมดลูก

รูป 2 มะเร็งลำไส้ตรงกินเข้าไปในมดลูก

รูป 3 เนื้องอกมะเร็งลำไส้ใหญ่(ภายในลำไส้ใหญ่)

รูป 4 เนื้องอกมะเร็งลำไส้ใหญ่(ภายในลำไส้ใหญ่)

รูป 5 แผลผ่าตัดผ่านกล้อง หลังผ่าตัด 6 อาทิตย์

รูป 6 แผลผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง หลังผ่าตัด 6 อาทิตย์

Categories
New

ริดสีดวงทวาร คืออะไร?

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร คืออะไร?

ริดสีดวงทวาร คืออะไร?

ริดสีดวงทวารแท้จริงแล้วเป็นอวัยวะที่เป็นเพื่อนของเรา ในภาวะปกติริดสีดวงทวารจะคอยช่วยป้องกันการบาดเจ็บของรูทวารหนักเวลาขับถ่าย และยังคอยช่วยเรากลั้นลม หรืออุจจาระได้ระดับหนึ่ง ทำให้ไม่มีอุจจาระรั่วไหลระหว่างวันอีกด้วย

แต่ในบางครั้งริดสีดวงทวารจะออกอาการไม่น่ารัก เช่น มีเลือดออก บวมมากขึ้นจนทำให้เรามีอาการปวดจนรบกวนชีวิตประจำวัน หรือปลิ้นออกมานอกก้น และถ้าทิ้งไว้นานๆยิ่งบวมมากขึ้น จะทำให้เกิดการขาดเลือด และเน่าได้ในที่สุด ภาวะเหล่านี้ เรียกว่าโรคริดสีดวงทวาร

โดยปกติแล้วนั้นริดสีดวงทวารภายในนั้น มักจะไม่มีอาการปวด ถ้าหากไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดคั่งภาย หรืออาการบวมจากการขาดเลือด หรือเน่าของริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวารแบ่งได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่

  1. ริดสีดวงทวารภายใน
  2. ริดสีดวงภายนอก

ริดสีดวงทวารภายในที่เกิดปัญหาขึ้นมา สาเหตุจะมาจาก ภาวะท้องผูก ถ่ายแข็ง ถ่ายแต่ละครั้งต้องใช้แรงเบ่งที่มากและเบ่งเป็นเวลานาน มักจะมากกว่า 5 นาที หรืออาจจะเกิดจากการติดนิสัยที่ชอบไปนั่งเล่นในห้องน้ำเป็นเวลานานๆ

ซึ่งริดสีดวงทวารภายใน จะแบ่งได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้

  1. ระดับที่ 1 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่อยู่เฉพาะภายในรูก้นไม่ออกมาข้างนอกก้น
  2. ระดับที่ 2 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่ออกมานอกรูก้นแล้วกลับเข้าไปได้เอง
  3. ระดับที่ 3 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่ออกมานอกรูก้นแล้ว ต้องใช้นิ้วดันกลับเข้าไป
  4. ระดับที่ 4 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่ออกมานอกรูก้นแล้ว ไม่สามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้

วิธีการรักษาริดสีดวงทวารภายใน มีดังนี้

  1. ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต อาทิเช่น กินผักผลไม้เยอะขึ้น, กินน้ำเยอะขึ้น ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร, เลี่ยงการเบ่งถ่ายในห้องน้ำเป็นเวลานานกว่า 5 นาที, ใช้ยาระบายช่วยให้ถ่ายนิ่มมากยิ่งขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  2. การรักษาด้วยการผ่าตัด มีตั้งแต่
    1. การรัดยางริดสีดวง หรือการฉีดสารทางการแพทย์เพื่อให้ริดสีดวงทวารฝ่อลง ซึ่งสามารถทำได้ที่แผนกผู้ป่วยนอก ทำแล้วกลับบ้านได้เลยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เหมาะสำหรับริดสีดวงทวารภายในระดับที่ 1 หรือ 2 อาจจะสามารถทำได้ในระดับที่ 3 บางกรณี
    2. การผ่าตัดริดสีดวงทวาร ซึ่งจะต้องนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1วัน เช้าวันรุ่งขึ้นไม่มีภาวะแทรกซ้อนสามารถกลับบ้านได้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงทวารภายในระดับที่ 3 หรือ 4 หรือริดสีดวงทวารภายในที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น บวมมาก ขาดเลือด หรือเน่า เป็นต้น

รูป 1 ริดสีดวงภายในระยะที่ 4 และเริ่มมีเนื้อตาย

รูป 2 ริดสีดวงภายในระยะที่ 4 รอบก้น

รูป 3 ริดสีดวงภายในและภายนอกมีลิ่มเลือดอุดตัน

รูป 4 แผลหลังผ่าตัดริดสีดวงก่อนเย็บปิดแผล

รูป 5 แผลผ่าตัดริดสีดวงหลังเย็บปิดแผล

รูป 6 แผลผ่าตัดริดสีดวงที่  6 อาทิตย์หลังผ่าตัด

ริดสีดวงทวารภายนอก รักษาอย่างไร?

ริดสีดวงทวารภายนอกปกติแล้วนั่นมักจะไม่มีอาการ

แต่จะมีอาการก็ต่อเมื่อบวมมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่มีลิ่มเลือดคั่งอยู่ภายใน

ภาวะนี้มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีภาวะท้องผูก หรือตั้งครรภ์และหลังคลอด

วิธีการรักษาริดสีดวงทวารภายนอกที่มีลิ่มเลือดอุดตันขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีอาการตั้งแต่เริ่มต้น

  1. ถ้ามีอาการมาแล้ว ไม่เกิน 3 วัน แนะนำการรักษาได้ 2 วิธี คือ
    1. การกรีดระบายลิ่มเลือดที่อุดตัน ซึ่งสามารถทำได้ที่แผนกผู้ป่วยนอก โดยการฉีดยาชาบริเวณตำแหน่งริดสีดวงภายนอกที่เป็นปัญหา และกลับบ้านได้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
    2. การผ่าตัดริดสีดวงทวารออก ซึ่งจะต้องทำให้ห้องผ่าตัด และนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 วัน เช้าวันรุ่งขึ้นสามารถกลับบ้านถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน ข้อดีคือ ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำในอนาคตได้ดีกว่าวิธีแรก
  2. ถ้ามีอาการมาแล้ว เกิน 3 วัน วิธีการรักษาคือ การแช่ก้นในอ่างน้ำอุ่น เช้า-เย็น ครั้งละ 15-30 นาที เพื่อให้ลิ่มเลือดละลายไปเอง ร่วมกับการกินยาแก้ปวด และยาลดบวม

โดยปกติแล้วริดสีดวงภายนอกมักจะไม่มีอาการ แต่ถ้ามีอาการบวมสามารถรักษาโดยการทายาได้ หรือถ้าบวมมากหรือเลือดออกอาจจะพิจารณาผ่าตัดออก การรักษาไม่มีการใช้ยางรัดเหมือนริดสีดวงภายใน

สุดท้ายแล้วผู้ป่วยที่รักษาทั้ง 2 วิธีข้างต้นนั้น จะต้องหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะท้องผูก โดยปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต อาทิเช่น กินผักผลไม้เยอะๆ, กินน้ำเยอะๆอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร, เลี่ยงการเบ่งถ่ายในห้องน้ำนานกว่า 5 นาที, ใช้ยาระบายช่วยให้ถ่ายนิ่มมากขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

รูป 1 ริดสีดวงทวารภายนอกที่มีลิ่มเลือดอุดตัน

รูป 2 ริดสีดวงทวารภายนอกที่มีลิ่มเลือดอุดตัน

Categories
New

ถ่ายเป็นเลือด เกิดจากอะไรได้บ้าง…

ข่าวสารและบทความ

ถ่ายเป็นเลือด เกิดจากอะไรได้บ้าง…

ถ่ายเป็นเลือด เกิดจากอะไรได้บ้าง…
1.มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือไส้ตรง
2.ริดสีดวงทวาร
3.แผลปริที่ขอบทวารหนัก
4.เลือดออกจากกระเปาะลำไส้
คนไข้หลายๆคน อาจจะคิดว่าตัวเองยังอายุน้อย พอถ่ายเป็นเลือด คิดว่าไม่เป็นไรหรอก คงเป็นแค่ริดสีดวงเดี๋ยวก็หายเอง…
แต่ช้าก่อน ตอนนี้คุณอาจจะเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ได้ ซึ่งถ้าทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานก้อนมะเร็งอาจจะโตขึ้นได้
แนะนำให้เข้ามาตรวจกับหมอเจมส์ หมอเฉพาะทางลำไส้ใหญ่และทวารหนักดีกว่าทิ้งไว้นะครับ
ปรึกษาหมอเจมส์ฟรี
“ถ่ายเป็นเลือด ไว้ใจให้หมอเจมส์ดูแล”
Categories
New

ส่องกล้องคัดกรองมะเร็งลำไส้

ข่าวสารและบทความ

ช่วยส่องกล้องคัดกรองมะเร็งลำไส้ ในผู้ป่วยที่มีเลือดปนออกมาในอุจจาระที่โรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา

วันนี้หมอเจมส์ ได้มีโอกาสมาช่วยส่องกล้องคัดกรองมะเร็งลำไส้ ในผู้ป่วยที่มีเลือดปนออกมาในอุจจาระที่โรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลาครับ
มะเร็งลำไส้และติ่งเนื้อในลำไส้ หลายๆครั้งผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการอะไรเลย
แนะนำให้มาส่องคัดกรองมะเร็งลำไส้ เมื่อมีอายุ 45 ปีกันนะครับ
“มะเร็งลำไส้รักษาหายได้ ถ้าคัดกรอง”
หมดปัญหา ไปโรงพยาบาล แล้วไม่พบหมอเฉพาะทาง
โทรสอบถามเพื่อนัดหมาย เข้าพบหมอเจมส์ตามวันเวลาที่กำหนด
ได้ที่
เบอร์ : 0653049539 (เลขา)
ไลน์ : @drjamescolo (มี@)
โทรแล้วได้พบหมอเจมส์แน่นอน ไม่เสียเวลาอีกต่อไปครับ
Categories
New

ริดสีดวงทวาร

ข่าวสารและบทความ

ริดสีดวงทวาร

วันนี้หมอจะมาพูดถึงริดสีดวงทวารภายในกันต่อนะครับ
ริดสีดวงทวารภายในที่เกิดปัญหาขึ้นมา สาเหตุจะมาจาก ภาวะท้องผูก ถ่ายแข็ง ถ่ายแต่ละครั้งต้องใช้แรงเบ่งที่มากและเบ่งเป็นเวลานาน มักจะมากกว่า 5 นาที หรืออาจจะเกิดจากการติดนิสัยที่ชอบไปนั่งเล่นในห้องน้ำเป็นเวลานานๆ
ซึ่งริดสีดวงทวารภายใน จะแบ่งได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
1. ระดับที่ 1 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่อยู่เฉพาะภายในรูก้นไม่ออกมาข้างนอกก้น
2. ระดับที่ 2 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่ออกมานอกรูก้นแล้วกลับเข้าไปได้เอง
3. ระดับที่ 3 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่ออกมานอกรูก้นแล้ว ต้องใช้นิ้วดันกลับเข้าไป
4. ระดับที่ 4 คือ ริดสีดวงทวารภายในที่ออกมานอกรูก้นแล้ว ไม่สามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
วิธีการรักษาริดสีดวงทวารภายใน มีดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต อาทิเช่น กินผักผลไม้เยอะขึ้น, กินน้ำเยอะขึ้น ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร, เลี่ยงการเบ่งถ่ายในห้องน้ำเป็นเวลานานกว่า 5 นาที, ใช้ยาระบายช่วยให้ถ่ายนิ่มมากยิ่งขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
2. การรักษาด้วยการผ่าตัด มีตั้งแต่
a. การรัดยางริดสีดวง หรือการฉีดสารทางการแพทย์เพื่อให้ริดสีดวงทวารฝ่อลง ซึ่งสามารถทำได้ที่แผนกผู้ป่วยนอก ทำแล้วกลับบ้านได้เลยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เหมาะสำหรับริดสีดวงทวารภายในระดับที่ 1 หรือ 2 อาจจะสามารถทำได้ในระดับที่ 3 บางกรณี
b. การผ่าตัดริดสีดวงทวาร ซึ่งจะต้องนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 คืน เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงทวารภายในระดับที่ 3 หรือ 4 หรือริดสีดวงทวารภายในที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น บวมมาก ขาดเลือด หรือเน่า เป็นต้น
สรุปได้ว่า…ริดสีดวงทวารภายในระยะที่ 3 หรือ 4 หรือริดสีดวงทวารภายในที่มีภาวะแทรกซ้อนแล้ว แนะนำให้ทำการผ่าตัดริดสีดวงทวารครับ
“รักษาริดสีดวง ไว้ใจหมอเจมส์”
หมดปัญหา ไปโรงพยาบาล แล้วไม่พบหมอเฉพาะทาง
โทรสอบถามเพื่อนัดหมาย เข้าพบหมอเจมส์ตามวันเวลาที่กำหนด
ได้ที่
เบอร์ : 0653049539 (เลขา)
ไลน์ : @drjamescolo (มี@)
โทรแล้วได้พบหมอเจมส์แน่นอน ไม่เสียเวลาอีกต่อไปครับ
Categories
New

เข้าร่วมประกวดวีดีโอผ่าตัดของงานประชุมราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2566

ข่าวสารและบทความ

เข้าร่วมประกวดวีดีโอผ่าตัดของงานประชุมราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2566

   เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา…หมอเจมส์มีโอกาสเข้าร่วมประกวดวีดีโอผ่าตัดของงานประชุมราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 ในฐานะแพทย์ประจำบ้านต่อยอดศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
และหมอเจมส์ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ในการประกวดครั้งนี้ครับ