คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมศัลยศาสตร์ หมอเจมส์ "

ริดสีดวงทวารคืออะไร?

ริดสีดวงทวารคืออะไร?อาการ สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงที่คุณควรรู้ก่อนสายเกินไป

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) คือโรคที่พบได้บ่อยมากในประชากรทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว

แม้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทั้งในด้านการขับถ่าย ความเจ็บปวด และความอับอาย ซึ่งหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจต้องจบลงด้วยการผ่าตัด

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า ริดสีดวงทวารคืออะไร มีกี่ประเภท มีอาการแบบไหน และอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณเสี่ยงเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว


ริดสีดวงทวารคืออะไร?

ริดสีดวงทวาร คือ ภาวะที่เส้นเลือดดำบริเวณปลายทวารหนัก หรือในท่อทวารหนักเกิดการโป่งพองหรือบวมจนผิดปกติ ซึ่งเกิดจากแรงดันในช่องท้องที่สูงขึ้นหรือการไหลเวียนเลือดที่ติดขัด

เส้นเลือดเหล่านี้เมื่อพองขึ้น จะคล้าย “ตุ่ม” หรือ “ก้อนนูน” และอาจมีเลือดออก เจ็บ หรือคันร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค


ประเภทของริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวารแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:

1. ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids)
  • เกิดขึ้นในทวารหนักด้านใน ลึกเกินกว่าจะมองเห็นหรือสัมผัสได้

  • มักไม่มีอาการเจ็บปวด เพราะไม่มีเส้นประสาทความรู้สึก

  • อาจมีเลือดสดปนมากับอุจจาระหรือหยดลงชักโครกหลังถ่าย

  • หากรุนแรงมากขึ้น ก้อนอาจยื่นออกมานอกทวารหนัก

2. ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids)

  • เกิดขึ้นบริเวณขอบปากทวารหนักด้านนอก

  • สังเกตได้เป็นก้อนนุ่มหรือแข็ง บวม แดง อาจเจ็บมากเวลานั่งหรือถ่าย

  • หากมีลิ่มเลือดอุดตัน เรียกว่า “Thrombosed Hemorrhoid” จะเจ็บมากและต้องรักษาเฉพาะทาง


อาการของริดสีดวงทวาร

ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของโรค แต่โดยทั่วไปมักพบ:

  • ถ่ายเป็นเลือดสด โดยไม่มีอาการปวด

  • มีก้อนนูนออกจากปากทวาร อาจผลุบเข้าออกหรือยื่นค้าง

  • แสบ คัน หรือรู้สึกไม่สบายขณะขับถ่าย

  • ปวดบริเวณรอบทวาร โดยเฉพาะริดสีดวงภายนอก

  • รู้สึกถ่ายไม่สุดหรือเหมือนมีสิ่งอุดตัน

หมายเหตุ: หากพบเลือดในอุจจาระบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจแยกจากโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่


สาเหตุของริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงเกิดจาก ความดันในหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักที่เพิ่มสูงขึ้น จนหลอดเลือดโป่งพองออกมา โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่:

  1. ท้องผูกเรื้อรัง / ถ่ายยาก – การเบ่งถ่ายแรงและนานทำให้เส้นเลือดบวม

  2. นั่งถ่ายนานเกินไป – โดยเฉพาะคนที่ชอบนั่งเล่นมือถือในห้องน้ำ

  3. ตั้งครรภ์ – มดลูกที่ขยายใหญ่กดทับเส้นเลือดในช่องท้อง

  4. ยกของหนักเป็นประจำ – ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น

  5. ขาดการเคลื่อนไหว – นั่งนาน ยืนนาน ไม่นิยมเดินหรือออกกำลังกาย

  6. การกินอาหารที่มีกากใยน้อย – ส่งผลให้ถ่ายยาก

  7. กรรมพันธุ์ – คนในครอบครัวเป็น ก็มีโอกาสสูงเช่นกัน

  8. อายุที่เพิ่มขึ้น – ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง


ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม
  • น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน

  • การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่

  • โรคตับเรื้อรังที่มีแรงดันในหลอดเลือดสูง

  • ผู้ที่มีภาวะไอเรื้อรัง หรือมีโรคปอดเรื้อรัง

  • ผู้ที่ต้องนั่งทำงานนานๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ


เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
  • มีเลือดปนมากับอุจจาระหลายครั้ง

  • มีก้อนยื่นออกจากทวารและไม่ยุบ

  • ปวดมาก เจ็บขณะถ่าย หรือมีไข้ร่วมด้วย

  • ถ่ายเป็นเลือดร่วมกับอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด

การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่ระยะต้นจะช่วยให้การรักษาได้ผลเร็ว ลดโอกาสต้องผ่าตัด


สรุป

ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบได้บ่อย และแม้จะไม่ใช่โรคอันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ก็อาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก ทั้งเรื่องความเจ็บปวด ความไม่สะดวกในการใช้ชีวิต และผลกระทบทางจิตใจ

การเข้าใจอาการ สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงของโรค จะช่วยให้คุณสามารถป้องกัน หรือเข้ารับการดูแลได้อย่างทันท่วงที และที่สำคัญ อย่าอายที่จะไปพบแพทย์ เพราะการรักษาในปัจจุบันมีหลายทางเลือกที่ปลอดภัย เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว

เริ่มต้นดูแลสุขภาพลำไส้และการขับถ่ายของคุณวันนี้ เพื่อชีวิตที่สบายขึ้นในวันพรุ่งนี้

📞 ติดต่อเพื่อสอบถามหรือนัดหมาย
Tel. : 065-304-9539
📲 Line Official : @drjamescolo
🌐 Website : www.doctorjamescolo.com
📘 Facebook : หมอเจมส์ ศัลยกรรมลำไส้หาดใหญ่
📷 IG : @doctorjamescolo