เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
สัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามของริดสีดวง
ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย เช่น ท้องผูกบ่อย เบ่งอุจจาระแรง หรือใช้เวลานั่งถ่ายนาน แม้ว่าในหลายกรณี ริดสีดวงอาจไม่รุนแรง และสามารถดูแลเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ แต่ก็มี “สัญญาณบางอย่าง” ที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
บทความนี้จะช่วยคุณเข้าใจว่า เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ และอาการแบบไหนที่ไม่ควรมองข้าม
🩸 1. มีเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระ
หนึ่งในอาการแรกที่พบได้บ่อยคือการมีเลือดปนกับอุจจาระหรือออกหลังถ่าย ลักษณะของเลือดมักเป็น “เลือดแดงสด” เปื้อนกระดาษชำระหรือหยดลงชักโครก
❗️ สัญญาณอันตราย:
หากเลือดออก ซ้ำบ่อย ๆ มากกว่า 2–3 ครั้งในเดือน
หรือมี เลือดออกจำนวนมาก ร่วมกับอาการหน้ามืดหรืออ่อนเพลีย
อาการเลือดออกแบบนี้อาจไม่ใช่แค่ริดสีดวงเสมอไป แต่ยังอาจบ่งบอกถึง แผลในลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งลำไส้ ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยที่แน่นอน เช่น การส่องกล้องตรวจลำไส้
🔴 2. มีก้อนนูนหรือเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนัก
หากสังเกตว่าหลังถ่ายอุจจาระมี ก้อนเนื้อเล็ก ๆ ยื่นออกมาจากทวาร อาจเป็น ริดสีดวงภายในที่มีการย้อย (prolapsed hemorrhoid) ซึ่งในระยะแรกอาจดันกลับได้ แต่หากปล่อยไว้นานอาจเกิดอาการบวม เจ็บ หรือดันกลับไม่ได้
📌 อาการเหล่านี้ต้องพบแพทย์ เพราะอาจต้องพิจารณารักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น การรัดยางหรือผ่าตัด
💢 3. ปวด บวม แสบ หรือรู้สึกตึงรอบทวารหนัก
หากมีอาการเจ็บแปลบหรือปวดขณะถ่าย หรือมีอาการบวมแดงที่ทวาร อาจเกิดจาก:
ริดสีดวงอักเสบ
ริดสีดวงมีลิ่มเลือด (Thrombosed hemorrhoid)
ภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลปริขอบทวาร (Anal fissure) หรือฝีรอบทวาร (Perianal abscess)
❗️ หากมีอาการปวดมาก หรือมีไข้ร่วมด้วย → ควรพบแพทย์ทันที
💧 4. มีน้ำหรือเมือกใสๆ ซึมออกจากทวารหนัก
หากรู้สึกว่ามีของเหลวเปียก ๆ หรือคันบริเวณรอบทวาร อาจเกิดจาก:
การอักเสบของเยื่อบุทวารจากริดสีดวงภายใน
ปัญหาของหูรูดทวารทำงานไม่สมบูรณ์
หรืออาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคอื่น เช่น ฝี, ต่อมทวารอักเสบ
📍 ควรตรวจโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริง
🧻 5. ถ่ายไม่สุด หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดอยู่ในทวาร
อาการนี้อาจเกิดจาก:
ริดสีดวงภายในขนาดใหญ่
การบวมของเนื้อเยื่อในช่องทวาร
หรืออาจเป็น เนื้องอกในลำไส้
✅ อาการถ่ายไม่สุดบ่อย ๆ ไม่ควรมองข้าม ควรพบแพทย์เพื่อทำการส่องกล้องวินิจฉัย
🔄 6. ริดสีดวงเป็นซ้ำบ่อย หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น
ถ้าคุณเคยเป็นริดสีดวงและใช้วิธีดูแลตัวเอง เช่น:
ทายา
กินยา
ปรับอาหาร
แต่ยัง มีอาการซ้ำ ๆ เจ็บ-คัน-มีเลือดออกไม่หายขาด แสดงว่าริดสีดวงของคุณอาจอยู่ในระยะที่ต้องรับการรักษาเชิงหัตถการ เช่น:
การรัดยาง (Rubber band ligation)
เลเซอร์
ผ่าตัดริดสีดวง (Hemorrhoidectomy)
🔍 พบแพทย์เพื่อประเมินระดับของริดสีดวง และแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
🧠 คำแนะนำ: เมื่อพบแพทย์จะต้องตรวจอะไร?
ซักประวัติสุขภาพ พฤติกรรมการขับถ่าย อาการ
ตรวจทวารหนักด้วยมือ หรือใช้กล้องส่องทวาร (Proctoscopy)
หากมีอาการเลือดออกเรื้อรัง อาจต้อง ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพื่อแยกโรคอื่นที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งลำไส้
✅ สรุป
ริดสีดวงไม่ใช่โรคที่ควรอายหรือปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง
แม้จะพบได้บ่อย แต่หากมีอาการชัดเจน เช่น เลือดออก ปวด บวม มีก้อนเนื้อ หรือมีการอักเสบ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุดการตรวจวินิจฉัยแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้การรักษาง่ายขึ้น เจ็บตัวน้อยลง และป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อันตรายกว่าได้
หากคุณมีอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรม หรือระบบทางเดินอาหาร เพื่อวินิจฉัยและรับการดูแลอย่างถูกต้องครับ
📞 ติดต่อเพื่อสอบถามหรือนัดหมาย
Tel. : 065-304-9539
📲 Line Official : @drjamescolo
🌐 Website : www.doctorjamescolo.com
📘 Facebook : หมอเจมส์ ศัลยกรรมลำไส้หาดใหญ่
📷 IG : @doctorjamescolo